ผลลัพธ์ของการฝึกอบรมในหลักสูตร
แพทย์ประจำบ้านที่จบการฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ต้องมีคุณสมบัติ ความรู้และทักษะขั้นต่ำตามสมรรถนะหลัก 6 ด้าน ดังนี้
1) การดูแลสุขภาพสตรี (Woman’s health)
2) ความรู้และทักษะทางการแพทย์ (medical Knowledge and Skills)
3) การเรียนรู้และพัฒนาตนเอง (Learning and improvement)
4) ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
5) ความเป็นนักวิชาชีพ (Professionalism)
6) การปฏิบัติงานภายใต้ระบบ (System-based practice)
วิธีการฝึกอบรมตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้าน
1). การดูแลสุขภาพสตรี (Woman’s health)
การป้องกัน ส่งเสริม และดูแลสุขภาพสตรีแบบองค์รวม ในลักษณะการทำงานเป็นทีม (team approach) และสหวิชาชีพโดยครอบคลุมระยะก่อนการตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอดและหลังคลอดในผู้ป่วยสูติกรรมและระยะก่อนวัยเจริญพันธุ์ วัยเจริญพันธุ์ และวัยหมดระดู สำหรับผู้ป่วยนรีเวชกรรม โดยมีหลักการดังนี้
-
แพทย์ประจำบ้าน ปีที่ 1 มีสมรรถนะ
-
ดูแลผู้ป่วยสูติกรรมที่ไม่ซับซ้อน
-
ดูแลผู้ป่วยนรีเวชกรรมที่ไม่ซับซ้อน
-
แพทย์ประจำบ้าน ปีที่ 2 มีสมรรถนะ
-
ดูแลผู้ป่วยทางสูติกรรมที่ซับซ้อน
-
ดูแลผู้ป่วยทางนรีเวชกรรมที่ซับซ้อน
-
แพทย์ประจำบ้าน ปีที่ 3 มีสมรรถนะ
-
เป็นหัวหน้าทีมในการดูแลผู้ป่วยสูติกรรม
-
เป็นหัวหน้าทีมในการดูแลผู้ป่วยนรีเวชกรรม
-
ความสามารถให้ความรู้แก่บุคลากรผู้ให้บริการและผู้มาขอรับบริการ
2). ความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการดูแลสุขภาพสตรีและสังคมรอบด้าน (Medical Knowledge and Skills)
ก. แพทย์ประจำบ้านปีที่ 1 เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานที่เกี่ยวข้อง (Correlated basic medical science)
ข. แพทย์ประจำบ้านปีที่ 2, 3 ปฏิบัติงานในอนุสาขาวิชาของสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
ค. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปี เข้าร่วมในกิจกรรมทางวิชาการต่างๆ เช่น interesting case conference, morbidity-mortality conference, perinatal conference, inter-hospital conference, journal club เป็นต้น
3). การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based Learning and Improvement)
ก. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีมีประสบการณ์การเรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมและสหวิชาชีพ
ข. แพทย์ประจำบ้านมีความก้าวหน้าในสมรรถนะตามที่กำหนดในแต่ละชั้นปี
ค. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้องสามารถวิพากษ์บทความวิชาการและดำเนินการงานวิจัยโดยเป็นผู้วิจัยหลัก
ง. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีบันทึกข้อมูลในเวชระเบียนผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
4). ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
ก. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีเรียนรู้ทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
ข. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีมีทักษะในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้านในชั้นปีที่ต่ำกว่า
ค. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีนำเสนอข้อมูลผู้ป่วยและอภิปรายปัญหาในกิจกรรมวิชาการของภาควิชา เช่น case conference เป็นต้น
5). ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
ก. แพทย์ประจำบ้านได้รับการสนับสนุนให้เกิดความใฝ่รู้และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมการให้ความรู้ทางด้านบูรณาการทางการแพทย์
ข. แพทย์ประจำบ้านได้รับการสนับสนุนให้พัฒนาตัวเองให้มีเจตคติที่ดีในการดูแลผู้ป่วยและญาติ ในขณะปฏิบัติงานร่วมกับวิชาชีพอื่นๆ รวมทั้งชุมชน
6). การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based Practice)
ก. แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เรื่องระบบสุขภาพของประเทศ กระบวนการพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล และความปลอดภัยของผู้ป่วย
ข. แพทย์ประจำบ้านได้รับการประเมินความสามารถในการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมในการดูแลรักษาผู้ป่วยทั้งด้านประสิทธิภาพ (effectiveness) และประสิทธิผล (efficiency)